หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Polymer Engineer RMUTT generation 1

     วันนี้นั่งเปิดAlbum รูปตอนเรียนแล้วรู้สึกว่าตัวเองกำลังนั่งยิ้มให้กับรูปเก่าๆเหล่านั้น รูปสมัยเรียนปริญญาตรี ที่คลองหก ถ้าหากใครมาเห็นเรานั่งยิ้มคนเดียว คงหาว่าเราบ้าแน่นอน แต่ดีนะเนี้ยที่อยู่คนเดียว
      ภาพเก่าๆตรงหน้า ทำให้หวนคิดถึงถึงความรู้สึกเก่าๆได้ดีจริงๆ ทั้งเรื่องสนุก เรื่องฮาๆๆ ของพวกเรา หลายๆอย่างที่เคยลืมเลือนมันไปแล้ว เมื่อมานั่งดูภาพเหล่านี้ ทำให้ความทรงจำอันลางเลือน ค่อยๆแจ่มชัดมากขึ้น ลองมาดูกันครับว่ามีรูปใครกันบ้าง


   หนุ่มๆ polymer engineer รุ่น 1 ดูกันเลยว่าใครหล่อกว่าใครครับ


                                      
      นี่ก็รูป 4 สาวๆ สวยๆ ของเราครับ (Girly berry ของ พอลิเมอร์)


                   ไปดูงานกันนะครับเนี้ย (ยังจำได้เลยว่าไปดูงานโรงงานทีวังน้อย อยุธยา โรงงานผลิต Rubber part) ตอนSummer เรียนRubber process และ Rubber engineering ของอ. ชาคริต กับ อ. พงษ์ธร


            อันนี้ไปเที่ยวสระบุรี น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ทุ่งทานตะวัน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไร่องุ่นกัน ไปกันแบบพอเพียงกันจริงๆ ไปรถสองแถวที่วิ่งในคลองหก ยังจำได้ว่ากินข้าวกล่องท่ามกลางแมลงที่เพิ่งเกาะขี้ช้างที่ทุ่งทานตะวันมาใหม่ๆ (กินกันไปได้ไงก็ไม่รู้เนอะ อิอิ)


         ภาพสองภาพสุดท้ายเป็นงานเลี้ยงส่งพวกเรา polymer engineer รุ่น 1 แต่งองค์ทรงเครื่องกันเสียสวยแบบไม่ยอมให้ใครเลยนะเพื่อนเรา ดูแล้วก็ตลกดีนะ
        ผมแค่อยากแบ่งปันความคิดถึงให้กับเพื่อนๆทุกคน อย่างน้อยภาพหนึ่งภาพที่ได้เห็นมันก็สามารถบรรยายอะไรต่อมิอะไรไว้มากมาย นอกจากนี้ยังเก็บบรรจุมิตรภาพและไมตรีอันแสนดีและงดงามของพวกเราทุกๆคนเอาไว้

    หากใครมีภาพมากกว่านี้เกี่ยวกับพวกเรา ยิ่งถ้าหากมีตั้งแต่เริ่มปี1 จนจบปี 3 ได้ยิ่งดีเลยครับ เดียวผมจะเอามาลงให้ครับ

มาเรียนและฝึกภาษาอังกฤษกันให้เก่งกันดีกว่า


               เหนื่อยอีกแล้ววันนี้ ต้องมานั่งทำTechnical Report ที่ยังสะสางไม่จบสักที ลูกค้าก็ส่งe-mailมาทวง Technical Report เช้า สาย บ่าย เย็น เล่นเอามึนกับเจ้าReportของลูกค้า วันนี้จัดการเสร็จไปแล้ว 2 report จาก 2 Product ตอนนี้ยังค้างอยู่อีก 3 report คิดแล้วต้อแต้จริงๆเลย
ถ้าหากเจ้า Report ที่ผมทำมันเป็นภาษาไทยผมคงจัดการกับมันเสร็จไป วันเดียว 5 report ได้อย่างสบายๆเลยครับ แต่นี้มันไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ลากเสียงให้ยาวๆเอาไว้จะได้เห็นภาพกัน ว่ามัีนยากแค่ไหน)มันต้องเป็นภาษาอังกฤษ (ก็ไอ้ลูกค้าดันเป็นฝรั่งทั้งน้าน ทำไมภาษาไทยไม่เป็นภาษาสากลเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดนะครับ แอบคิดในใจมานาน จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวแบบนี้)ที่เผอิญต้นตระกูลอันสูงส่งของผม และของหลายๆคนที่กำลังอ่านอยู่ก็ไม่ได้ใช้เจ้าภาษาอันนี้ด้วยสิครับ มันเลยสุดแสนจะทรมานหัวจิตหัวใจคนที่ไม่เก่งภาษาอย่างพวกเรา (หรืออาจเป็นผมคนเดียวเสียก็ไม่รู้ อิอิ)
           ใช่ว่าผมจะไม่เก่งภาษาเสียที่เดียว อย่างน้อยผมก็พออ่าน เขียน ฟัง พูด(ได้ค่อนข้างแย่หน่อย)ซึ่งผมได้พยายามกับเจ้าภาษาอังกฤษมาตั้งนานแล้ว เริ่มตั้งแต่เรียน ปวส. ปริญญาตรี ยิ่งปริญญาโท เนี้ยยิ่งต้องฝึกอย่างแสนสาหัสเลยครับ เพราะวิทยานิพนธ์ที่ผมทำเนี้ย หลักสูตรผมก็ดันบังคับให้ต้องเขียนภาษาอังกฤษยกเล่มเลย ไอ้เราก็ไม่เก่งสักเท่าไหร่ ก็พยายามสุดความสามารถที่มีอยู่ แถมบ้างครั้งก็ยังแอบ คัดลอกข้อความภาษาอังกฤษที่เป็นpaper ภาษาอังกฤษที่เขาได้ตีพิมพ์ไปแล้วดัดแปลง ตัดต่อทางพันธุกรรมเล็กน้อย เพื่อให้ได้วิทยานิพนธ์ที่เสร็จสมบูรณ์ แต่ด้วยความโชคดีมากๆๆๆๆของผมที่อาจารย์ที่ปรึกษาที่แสนดี แสนสวยและเข้มงวดอย่าง ผศ.ดร นพิดา หิญชีระนันทน์ และ ดร.ฉันท์ทิพ คำนวนทิพย์ ช่วยกันตบ ช่วยกันตี ทำให้ผมสำเร็จจนได้ ต้องขอขอบคุณมากจริงๆครับ
        ที่นี้ก็เข้ามาเนี้อเรื่องที่จะแนะนำวันนี้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่ผมได้ลองทำ ลองฝึกด้วยตัวเอง (ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษจริงๆจังๆสักที) คือ
        1. ต้องทำใจก่อนครับ (อิอิ เพราะถ้าใจไม่อยากเรียนรู้ สมอง และจิตใจของเราต้องปิดกันความอยากรู้อยากเห็น อยากทำให้ได้ไปเสียหมดละครับ ต้องลองมองดูว่าภาษาอังกฤษมันดีกับเราเพียงใด หากเราเก่งภาษาอังกฤษ เราจะมีคนชื่นชมมากมายเพียงใด สำหรับคนที่อยากเท่ห์เลยครับ เพราะผมจะรู้สึกว่าใครที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เก่ง คุยกับฝรั่งได้ ช่างเท่ห์เสียจริงเลยครับ)

        2. ลองหาที่เรียนภาษาอังกฤษที่เปิดสอน ซึ่งมีทั้งที่เป็นคนไทยและต่างชาติ แต่ถ้าหากได้เรียนกับครูต่างชาติได้ยิ่งดีเลยครับ เพราะต้องใช้ภาษาอังกฤษทั้งคอร์สเลย คงจะเคยชินมากขึ้นครับ แต่ใช่ว่าครูคนไทยจะไม่เก่งนะครับ ครูหลายท่านก็สอนดีไม่แพ้ต่างชาติเช่นกันครับ
        3. ต้องพยายามอ่านภาษาอังกฤษมากๆครับ อ่านหนังสือพิมพ์ หนังสือการ์ตูนที่เป็นภาษาอังกฤษเยอะๆครับ เพราะการผ่านสายตา ทำให้เรารู้สึกเคยชิน ได้รู้จักคำศัพท์มากมายที่อยู่ในหนังสือที่เราอ่าน หากเราไม่รู้คำใด ก็หาคำศัพท์เหล่าเอาไว้ยิ่งทำให้เราได้เพิ่มจำนวนคำศัพท์ที่เรารู้มากขึ้นครับ
        4. ดูหนัง ฟังเพลง ดูข่าวภาษาอังกฤษ เพราะเราจะได้ชินหูกับสำเนียงที่เจ้าของภาษา เพื่อพัฒนาการฟังของเพื่อนๆให้ดีขึ้นครับ(อันนี้คืออุปสรรคที่แสนยากเย็นของผมเลยครับ เพราะตอนนี้ผมยังฟังฝรั่งพูดไม่ออกเลยครับ)
       5. อันนี้เป็นเทคนิคที่ผมใช้มานานแล้ว คือผมชอบฟังเพลงภาษาอังกฤษแล้ว หาเนื้อเพลงของเพลงนั้นๆมาแปล หรือบ้างครั้งอาจจะหาเนื้อเพลงที่แปลเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้วมานั้งอ่าน ว่าเขาหมายความว่าอย่างไรบ้าง เขาออกเสียงกันยังไงกัน เท่านี้ผมก็ได้คำศัพท์ และการใช้ การเขียนประโยคภาษาอังกฤษได้เพิ่มขึ้นแล้วครับ
หากเพื่อนสนใจเอาวิธีการที่ผมเคยลองใช้ และฝึกกับเจ้าภาษาอังกฤษมาแล้วไปใช้ แล้วฝึกฝนกันเยอะๆ รับรองว่าต้องเก่งภาษากันแน่นอนครับ (ผมก็ต้องไปฝึกบ้างแล้วครับ)

ใครมีวิธีการฝึกภาษาอังฤษที่นอกเหนือจากที่ผมได้บอกไป สามารถเอามาแชร์ให้คนอื่นได้รู้บ้างก็ดีนะครับ

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปิโตรเคมี


ปิโตรเคมี คือ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์เป็นเวลานาน ภายใต้อุณหภูมิและความดันสูง สารเคมีที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยผ่านกระบวนการทาง เคมีต่างๆ ที่สำคัญ 2 กระบวนการ คือ กระบวนการทำให้บริสุทธิ์ (refinery process) และกระบวนการทางฟิสิกส์ (physical process)และสารปิโตรเคมีที่สำคัญ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มโอเลฟินส์ ได้แก่ เอทิลีน โพรพิลีน ฯลฯ อีกกลุ่มคือ อะโรเมติกส์ ได้แก่ เบนซิน โทลูอินและไซลีน ทั้งสามสารนี้รวมเรียกว่า BTX
  • กลุ่มอะโรเมติกส์ ใช้เป็นตัวทำละลายและใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารเคมีอื่นๆ
    • เบนซิน ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตสบู่และผงซักฟอก ใช้ผลิตพลาสติกชนิดที่เรียกว่า “ABS” ซึ่งใช้ทำตัวเครื่องโทรทัศน์ ตัวตู้โทรทัศน์ หมวกกันน็อก ฯลฯ
    • โทลูอีน ใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมสี ทินเนอร์ กาว ยาฆ่าแมลง ฯลฯ
    • ไซลีน ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเส้นใย เส้นด้าย ขวดใส่อาหาร ถุงใส่อาหารร้อน ฯลฯ

ประโยชน์ของปิโตรเลียม
-ใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อเป็นแหล่งให้ความร้อน รวมถึงการใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เช่น ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) ก๊าซหุงต้มหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และน้ำมันเตา (Fuel Oil) เป็นต้น
-ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้น (Feedstocks) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะเห็นว่าวัตถุดิบตั้งต้นของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีล้วนมาจากผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมปิโตรเลียม และการใช้งานของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเลียมสามารถแบ่งตามการใช้ประโยชน์หลักๆ ได้ดังต่อไปนี้
-ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการขับเคลื่อนยานพาหนะต่างๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (NGL) น้ำมันเบนซิน (Gasoline) น้ำมันดีเซล (Diesel) และน้ำมันเครื่องบิน (JET A1) เป็นต้น
-ใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อเป็นแหล่งให้ความร้อน รวมถึงการใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เช่น ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) ก๊าซหุงต้มหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และน้ำมันเตา (Fuel Oil) เป็นต้น
-ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้น (Feedstocks) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะนำวัตถุดิบจากอุตสาหกรรมปิโตรเลียมเหล่านี้ ไปผลิตต่อเนื่องจนเป็น เม็ดพลาสติก ใยสังเคราะห์ ยางสังเคราะห์ สารเคลือบผิว และกาวต่างๆ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถือเป็นวัตถุดิบพื้นฐานที่สำคัญในการผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคพื้นฐานของมนุษย์ ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ รวมไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ทำให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ปิโตรเคมีในประเทศไทย
ปัจจุบันประเทศไทยได้ขุดพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดในเชิงพาณิชย์ จึงได้วางแผนการใช้ประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติ โดยกำหนดเป็น 2 โครงการหลัก คือ โครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) และโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard) ซึ่งเป็นการสร้างท่าเรือน้ำลึก สำหรับโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ประกอบด้วยโครงการปิโตรเคมีขั้นต้น ระยะที่ 1 (NPC1) และโครงการปิโตรเคมีขั้นต้น ระยะที่ 2 (NPC2) NPC1 ตั้งอยู่ที่ตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง จะรับก๊าซอีเทนและโพรเพนจากโรงแยกก๊าซ ซึ่งดำเนินงานโดยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) และส่งเข้าหน่วยที่เรียกว่า Ethane/Propane Cracker และ Propane Dehydrogenator ซึ่งจะได้สารเอทิลีนและโพรพิลีนส่งให้บริษัทเอกชน เพื่อผลิต พลาสติกชนิดต่างๆ NPC2 ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จะผลิตเบนซีน โทลูอีน และไซลีน โดยใช้แพลตฟอร์เมตจากโรงกลั่นไทยออยล์และไพโรไลซีส ก๊าซโซลีน จากหน่วย Olefins Plant ของ NPC1 สารที่ผลิตได้นี้ จะส่งไปยังบริษัทต่างๆ เช่น ใช้เบนซีนเพื่อผลิตกรดเทอเรพทาลิกบริสุทธิ์ (purified terephthalic acid, PTA) ใช้ออโทไซลีนเพื่อผลิตพทาลิกแอนไฮไดรด์ (phthalic anhydride) เป็นต้น
Powerpoint นำเสนอเกี่ยวกับสารอนุพันธ์ของปิโตรเคมี ซึ่งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปิโตรเคมีได้จากลิงค์ข้างล่าง 
เบนซิน
http://www.ziddu.com/download/10783492/Benzene.ppt.html

เป็นข้อมูลที่ทำให้เห็นชัดเจนมากขึ้นถึงความสำคัญ


วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้ได้งาน??

         ช่วงนี้เป็นช่วงที่น้องๆหลายมหาวิทยาลัยต่างเรียนจบกันมา หลังจากการต้องฝ่าฟันต่อสู้กับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมาแล้ว กว่าจะจบกันมา 3 ปีบ้าง 4 ปีบ้าง หรือบ้างคนอาจจะใช้เวลาไปถึง 5 ปีเลยก็ตาม แต่รางวัลจากความพยายามก็ประสบความสำเร็จกันจนได้นะครับ คือใบปริญญานั้นเอง
        แต่ชีวิตมันไม่จบแค่เพียงชีวิตในการเรียนมหาวิทยาลัย สนามรบอันแท้จริง ก็คือชีวิตการทำงาน การจะก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงานก็ต้องเริ่มด้วยการหางานหรือการสมัครงานจะต้องทำอย่างไรให้ได้งาน จะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อจะให้ได้งานตามที่ต้องการ วันนี้ผมมีเทคนิคดีๆมาบอกครับ (เทคนิคนี้ใช้ได้สำหรับกับผู้อ่านที่ต้องเปลี่ยนงานได้เช่นกันครับ)
3 ขั้นตอนการเตรียมตัว



1. เขียน Resume ให้ดีที่สุด

      การเขียนResume ที่ดีนั้น จะต้องมีข้อมูลสำคัญให้ครบถ้วน ควรเีขียนข้อมูลส่วนตัวที่กระชับเป็นข้อเท็จจริง จำเป็นและเกี่ียวข้องกับงานที่จะสมัคร เช่น ประวัติการศึกษา การทำงาน การฝึกงาน หรือผลงานระหว่างที่ศึกษาอยู่ เป็นต้น อย่าลืมเขียนข้อมูลเกี่ยวกับงานอดิเรก/ความสนใจส่วนตัว ที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านอื่นๆ ของเรา เข่น เป็นพิธีกรประจำคณะ (แสดงให้เห็นความเป็นผู้นำและกล้าแสดงออก)หมายเลขโทรศัพท์ของเราจะต้องถูกต้องและติดได้ตลอดเวลา มิเช่นนั้นอาจเสียโอกาสดีๆในการได้งานไปได้ การจัดวางรูปแบต้องอ่านง่าย แบ่งหัวข้อชัดเจน ใช้ภาษาที่ถูกต้อง ความยาวควรจะอยู่ใน 1 หน้ากระดาษ
     นอกจากนี้ควรจะเขียน Cover letter (จดหมายสมัครงาน) ระบุตำแหน่งที่ต้องการให้ชัดเจน อธิบายว่าทำไมถึงสนใจ และเรามีคุณสมบัิติอะไรที่เหมาะสมกับงานนี้ การเขียน Resume และ Cover letter ที่ดีนั้น จะทำให้เราได้งานได้ไม่ยากเลย

2. เตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์
      หลังจากส่งจดหมายไปสมัครงานแล้ว เมื่อได้รับการติดต่อให้ไปสัมภาษณ์ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้
      1. ศึกษาเกี่ยวกับงานที่เราจะไปสัมภาษณ์ : หาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและงานให้มากที่สุด ได้แก่ ขนาดของบริษัท ประเภทของบริษัท สินค้าและบริการของบริษัท สถานที่ตั้ง วัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลของเราในการตัดสินใจอีกด้วย เช่น สถานที่ทำงาน หากไกลหรือเดินทางลำบาก จะมีผลต่อเราในอนาคต นอกจากนี้ข้อมูลเหล่านี้ยังมีประโยชน์สำหรับการเตรียมตัวตอบคำถามที่จะเจอในการสัมภาษณ์อีกด้วย และแสดงให้เห็นถึงความสนใจในการทำงานกับบริษัทอย่างจริงจัง
      2. เตรียมคำถาม/คำตอบ ในการสัมภาษณ์ : ลองตั้งคำถามดูว่า กรรมการที่สัมภาษณ์เราจะถามอะไรเราบ้างจากข้อมูลที่เราให้ในการสมัครงาน (Resume และ Cover letter) และจากตำแหน่งงานที่เราสมัคร เช่น
  • คุณรู้ข้อมูลอะไรบ้างเกี่ยวกับบริษัท? / ทำไมคุณถึงมาสมัครงานกับบริษัทเรา?
  • แนะนำตัวคุณเองให้ผมฟังหน่อยสิว่า ทำไมคุณถึงคิดว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งงานนี้?
  • อะไรคือจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ? คุณจะปรับปรุงจุดอ่อนนั้นอย่างไร?
  • คุณมองหาอะไรจากตำแหน่งที่คุณมาสมัครนี้?/ บรรยากาศการทำงานอย่างไรที่คุณชอบ?
    ควรทบทวนความรู้ที่เรียนมาเพราะบางตำแหน่งต้องทดสอบความรู้ เช่น วิศวกร นักบัญชี เป็นต้น ทบทวนประสบการณ์ทำงานที่เคยผ่านมาว่า รับผิดชอบอะไรมาบ้าง และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงานที่จะไปสัมภาษณ์ได้อย่งไร นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษ เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเตรียมตัว เนื่องจากปัจจุบันภาษาอังกฤษมีความจำเป็นต้องใช้เกือบทุกบริษัท ถ้าเรามีทักษะภาษาอังกฤษดี จะเพิ่มโิอกาสในการได้งานมากขึ้นด้วย

      3 เตรียมตัวให้พร้อม : เลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทและตำแหน่งงานที่เราจะไปสัมภาษณ์ ควรใส่ชุดที่สุภาพเรียบร้อย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ และความเชื่อมั่นให้กับเรา เตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆให้พร้อม อย่าลืมวันเวลาและสถานที่ที่จะต้องไปสัมภาษณ์หากไม่เคยไปมาก่อนต้องคำนวณเวลาในการเดินทางให้ดี ควรไปถึงก่อนเวลาสัมภาษณ์เล็กน้อย ควรทานอาหารเบาๆ เพื่อให้เราไม่รู้สึกหิวหรืออึดอัดจนเกินไป

3. สร้างการสัมภาษณ์ที่น่าประทับใจ

      สร้างความประทับใจแรกพบ (First Impression) ต่อกรรมการสัมภาษณ์ โดยการไปถึงให้ตรงเวลา ทักทายอย่างสุภาพ ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ระหว่างการสัมภาษณ์แนะนำให้ใช้หลัก 3V ดังต่อไปนี้
     Visual: สิ่งที่ปรากฎให้เห็นภายนอก ได้แก่ สีหน้า กริยา ท่าทาง หน้าตาควรยิ้มแย้มและสายตาควรสบตากับผู้สัมภาษณ์ ไม่หลบตาหรือมองไปรอบๆเพราะจะแสดงถึงความไม่มั่นใจ ไม่เขย่าขา ไม่เล่นปากกา ท่าทางผ่อนคลาย ไม่เกร็ง ประหม่า และควรนั่งตัวตรงแสดงให้เป็นบุคลิกภาพที่ดี
    Vocal: น้ำเสียงและระดับเสียง ตอบคำถามด้วยความเชื่อมั่น เสียงไม่ดังหรือเบาจนเกินไป ชัดเจน ฉะฉาน ฟังคำถามให้ดีและตอบให้ตรงคำถาม
     Verbal: คำพูดที่ใช้ในการตอบ เลือกใช้คำพูดที่เป็นไปในทางบวก (Positive) สั้นและกระชับ ไม่เยิ่นเย้อจนเกินไป

      หากเราเตรียมตัวให้พร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเจอกับการสัมภาษณ์ในลักษณะใด รับรองได้งานแน่นอน

ถ้าหากมีข้อมูลดีๆจะนำมาให้ทุกคนได้อ่านอีกครับ

บทความวิชาการที่น่าสนใจ

Ads

โฆษณา

Google friend connect

My Banner

Create your own banner at mybannermaker.com!
Copy this code to your website to display this banner!